หายไปหลายวันอีกแล้วครับ วันนี้ มีเรื่องเกี่ยวกับ GPRS กับ EDGE มาฝาก เพราะเพิ่งไปถอยมือถือมาใหม่หมาดๆ รุ่น NOKIA6233 ซึ่งแต่ก็แปลกดีที่จุดขายของโทรศัพท์เครื่องนี้เวลาที่ผมเดินผ่านไปถามราคาที่ร้านไหน คนขายก็จะชอบบอกว่า “มีกล้องขนาดตั้ง 2 MPixel เชียวนะ” ซึ่งมันอาจจะเป็นจุดขายของรุ่นนี้ก็ได้ แต่ผมกลับไม่ได้สนใจตรงนี้เลย ผมสนใจที่ว่ามัน support GPRS และ EDGE class 10 ต่างหากล่ะ
ว่าด้วยเรื่องของ GPRS กันก่อนครับ GPRS (General Package Radio Service) เป็นระบบที่ใช้สำหรับรับส่งข้อมูลข่าวสารผ่านเครื่อข่ายมือถือที่มีความเร็วถึง 171.2 kbps เชียวนะ ซึ่งเจ้า GPRS มันจะทำงานอยู่ในรูปแบบของ Package-Switched ซึ่งจะแตกต่างจากระบบที่เราใช้เสียงโทรคุยกันธรรมดาที่เรียกว่า Circuit-Switched
เอา ล่ะ อันดับแรกมาทำความเข้าใจกับระบบ Circuit-Switched กันก่อน
ระบบ Circuit-Switched จะเป็นระบบที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารของสัญญาณเสียงแบบที่ใช้โทรศัพท์โทรคุยกันธรรมดานี่แหละครับ ซึ่งเจ้า Circuit-Switched นี่มันจะมีช่องสัญญาณของมันอยู่หลายช่อง อย่างถ้าเราโทรคุยกับเพื่อนเรานี่ มันก็จะต้องมีการจองช่องสัญญาณให้เราก่อน 1 ช่อง แล้วค่อยเชื่อมต่อสัญญาณระหว่างโทรศัพท์เครื่องเรากับเพื่อนของเราให้โทรคุยกันได้ จนเมื่อเราวางสายเมื่อไหร่นั่นแหละครับ ช่องสัญญาณนั้นก็จะถูกยกเลิก แล้วปล่อยว่างไว้ให้คนอื่นได้ใช้ต่อไป
อย่างเช่นเราเคยเจอปัญหา แบบ ช่วงเวลาที่มีคนใช้โทรศัพท์เยอะๆ แล้วเรากดโทรออกไม่ได้นั่นแหละครับ แสดงว่าช่องสัญญาณมันเต็ม ต้องรอคนอื่นวางสายก่อน เราจึงเข้าไปเสียบช่องสัญญาณที่ว่างเพื่อโทรออกได้
ส่วนเจ้าระบบ Package-Switched นี่มันจะต่างกันกับระบบ Curcuit-Switched ก็คือ ระบบ Package-Switched จะสามารถใช้ช่องสัญญาณเดียวร่วมกับคนอื่นได้ ไม่ได้แบ่งเป็นช่องคู่สายใครคู่สายมันเหมือนอย่าง Circuit-Switched
สมุติว่าเราเอาระบบ Package-Switched นี้มาส่งข้อมูลเสียงพูดคุยให้เหมือนกันกับระบบโทรศัพท์ธรรมดา ข้อมูลเสียงของเราก็จะถูกหั่นออกก่อน เป็นข้อมูลย่อยๆ หลายๆข้อมูล เรียกว่า package ในแต่ละ package มันจะมีหมายเลขประจำตัวมันอยู่ เสร็จแล้วเราก็ปล่อย Package ส่งเข้าไปที่ช่องสัญญาณรวม ซึ่งในช่องสัญญาณ 1 ช่องก็อาจจะมี Package เสียงของคู่สาย อื่นๆ วิ่งรวมอยู่ในนี้ได้ หลังจากนั้น เมื่อถึงปลายทาง package แต่ละตัวกมันจะรู้เองว่าจุดหมายอยู่ที่ไหน แล้วจะต้องเอาตัวเองไปรวมกลุ่มกับใคร เพื่อประกอบกันเป็นข้อมูลเสียงเดิม เพื่อให้ปลายทางฟังรู้เรื่อง
นี่แหละครับเหตุผลที่ว่า ทำไมระบบโทรศัพท์แบบ Voice Over-IP หรือโทรศัพท์ผ่าน Internet มันถึงมีราคาถูกกว่าค่าโทรศัพท์แบบธรรมดา นั่นก็เป็็้นเพราะว่า มันใช้ช่องสัญญาณข้อมูลประหยัดกว่าระบบโทรศัพท์ธรรมดานั่นเอง
พบกันใหม่ตอนหน้านะครับ
แล้วที่สายพันกัน เสียงแทรก เสียงซ้อน มันเกี่ยวเนื่องกับระบบทั้งสองข้างบนหรือเปล่าครับ
แล้วระหว่าง Curcuit-Switched กับ ระบบPackage-Switched อันไหนมีปัญหามากกว่ากันครับ
เอาเข้าจริงผมคิดว่า Package-Switched น่าจะีปัญหามากกว่าน่ะครับ เพราะพูดกันถึงเรื่องของการแบ่งข้อมูลออกเป็นย่อยๆ แล้วส่งผ่านเครือข่าย โอกาสสูญหายของข้อมูลก็มีสูง ซึ่งเทคโนโลยี ที่จะมารองรับในส่วนตรงนี้ได้ จะต้องมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่สูงพอสมควรนะครับ ไม่งั้น คุยๆ ไป เสียงอาจขาดๆ หายๆ ได้
ส่วนเรื่องสายพันกันนี่ ระบบ Curcuit-Switched น่าจะมีส่วนแน่นอนครับ เพราะอาจเกิดการ ตัดต่อช่องสัญญาณที่ผิดพลาด ได้
แล้วตอนนี้มีโทรฯรุ่นไหนรองรับการใช้งาน Edge บ้างครับที่ผมใช้อยู่เป็น MOTO C390 /GPRS Class 10 รองรับการใช้งาน Edge ด้วยหรือเปล่าครับ
เท่าที่ตรวจสอบ spec ดูรุ่น C390 ไม่มี EDGE นะครับ สำหรับรุ่นที่ใช้ EDGE ได้ก็มีอยู่หลายรุ่นครับ รุ่นที่ถูกที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอก็คือตอนนี้ก็คือ Nokia 3110
ใช้มือถือต่อเน็ตอยู่ 2 รุ่น n72/nokia6111 ถือว่าใช่ได้มั้ย แต่เราว่ามันช้าไปหน่อย ไม่รู่ว่าเกี่ยวกับโทรศัพท์รึเปล่า ใช้ระบบดีแทคทั้งสองเครื่องเลยค่ะ ถ้ารู้ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ
รุ่น N72 ใช้ EDGE ได้นะครับ แต่ต้องในสถานที่ที่สนับสนุนสัญญาณ EDGE ด้วยนะครับ ในเขตกรุงเทพและปริมณทลใช้ได้ชัวร์ แต่ต่างจังหวัดบางที่สัญญาณ EDGE อาจจะยังไม่ครอบคลุมนะครับ ซึ่งเป็นผลทำให้ช้า และยิ่งเล่นช่วงหัวค่ำนี่ช้าแน่นอนครับ เพราะคนแย่งใช้กันเยอะ bandwidth อาจเต็มครับ
สรุปก้อคือไม่เกี่ยวกับโทรศัพท์ใช่ป่ะ กำลังจะตัดสินใจซื้อของฮัท แต่แพงไปหน่อยเกือบหมื่นสาม แต่เค้าว่าเร็วดีจริงป่ะ ขอบคุณมาก ๆ ที่อุตส่าตอบค่ะ