เห็น blog อื่นๆ เขาโดน Tag กันสนุกสนานแล้วแอบอิจฉาอยู่ลึกๆ ครับ กลับมานั่งรอคอยว่าเมื่อไหร่ blog ของผมจะโดนคนอื่น Tag บ้างสักที โชคดีที่มีคุณเล็กแห่ง SmileSqure และคุณ หมีน้อย ที่ช่วยให้ผมมีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย 🙂
ว่าด้วยเรื่อง blogtag กันก่อน ใครที่โดน Tag จะต้องเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง 5 เรื่องให้คนอื่นฟัง แล้วหลังจากนั้นต้องทำการ Tag ต่อคนอื่นต่อไปอีก 5 คน คล้ายๆ จดหมายลูกโซ่ครับ ข้อมูลการ Tag ของ blog ต่างๆ ในเมืองไทย สามารถดูได้จาก http://www.keng.ws/files/blog-tag_trace.html
หรือใครยังสงสัยว่า blog tag คืออะไร สามารถอ่านได้จากเว็บ คุณเก่ง
เริ่มเลยละกันนะ
1. ความฝันในชีวิตของผมตอนนี้คืออยากเป็นอาจารย์ครับ. ตอนเด็กๆ ผมเคยฝันไว้หลายอย่าง อย่างแรกเลยคือเป็น DJ เปิดเพลงให้คนอื่นฟัง อย่างที่สองคืออยากเป็นวิศวกร(ซึ่งวันนี้ก็ได้เป็นแล้ว เย้…) ส่วนเรื่องการเป็น DJ เปิดเพลงให้คนอื่นฟังนี่เป็นความฝันของผมเมื่อครั้งก่อน แต่ตอนนี้ก็ชักจะเลือนลางเต็มทีแล้ว จนในที่สุดวันนี้ผมได้รู้จักกับเทคโนโลยี podcast ที่ทำให้ผมเหมือนกับว่ามีรายการวิทยุส่วนตัวอยู่บนเว็บไซต์ของตัวเอง (แต่ไม่ค่อยจะ update รายการเลยอ่ะ)
2. ผมเป็นคนที่เล่นกีฬาไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง แถมไม่ชอบดูกีฬาด้วยไม่รู้เป็นไร เคยพยายามที่จะตั้งใจดูตั้งหลายครั้งแต่ก็รู้สึกว่าไม่สนุก ประมาณว่า ดูก็ได้ไม่ดูก็ไม่เป็นไร อาจเป็นเพราะว่าผมไม่ชอบเล่นกีฬาก็ได้นะ แต่ตอนเด็กๆ ตอนเรียนอยู่ชั้นประถมเคยโดนครูที่โรงเรียนบังคับให้เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลน่ะนี่ แข่งไปจนถึงงานกีฬาอำเภอ แต่ในใจลึกๆ ก็ยังไม่ชอบสักที
3. ตอนเรียนอยู่ชั้น ม.3 ผมเคยโดนอาจาร์สอนวิทยาศาสตร์พูดว่า เรียนต่อสายอาชีพจบมาก็ต้องมาเป็นลูกน้องคนอื่นเขา ไม่ฉลาดเหมือนคนที่เรียนต่อ ม.ปลาย แต่เส้นทางชีวิตของผมก็อุตส่าห์ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาจนได้ ช่วงชีวิตที่ผมเรียนต่อ ปวช. ที่วิทาลัยเทคนิกส์ราชบุรี ผมเลือกที่จะเรียนสายช่างอิเล็กทรอนิกกส์ เพราะพ่อของผมชอบต่อเครื่องเสียงไว้ฟังเอง ผมเลยซึมซับเอาความรู้สึกเหล่านั้นมาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งผมเรียนจบ ปวช. ผมก็ต่อ ปวส. สาขาเทคนิคคอมพิวเตอร์ที่เดิม ชีวิตตอนเรียน ปวส. นี่ช่างเป็นชีวิตที่มีความสุขมากๆ มีเพื่อนที่ไปไหนไปด้วยกันอยู่กลุ่มหนึ่งที่ชอบเรื่องคอมพิวเตอร์เหมือนกัน แล้วก็ชอบเล่นเกม counter strike ด้วยกันในตอนเย็นๆ พอกลับบ้านก็มา online คุยกันอีกโดยใช้โปรแกรม ICQ ตอนนั้น MSN ยังไม่ฮิตเท่าไหร่…
หลังจบที่เทคนิคต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง หลังจากนั้นผมก็มีเรื่องผิดหวังอีกครั้งหนึ่งในชีวิตคือตอนที่ไปสอบเรียนต่อ ป.ตรี ต่อเนื่อง ที่พระจอมเกล้าลาดกะบังแล้วไม่ติด แต่ก็ยังโชคดีที่ไปติดอยู่ที่พระจอมเกล้าพระนครเหนือ ตอนนั้นคิดว่าเรียนปีเดียวแล้วจะไปสอบลาดกระบังใหม่ แต่กลัวเสียเวลาเลยคิดใหม่ว่าอยากตั้งใจเรียนที่เดิมให้ดีๆ ไปเลย แล้ววันนี้ผมก็ผ่านตรงนั้นมาได้
4. ผมเป็นคนจังหวัดราชบุรีแล้วก็ชอบแมวครับ เพราะมันเอาไปกอดนอนตอนกลางคืนได้
5. ตอนนี้ผมเรียนจบและทำงานได้เกือบ 2 ปีแล้ว ผมตั้งใจไว้ว่า ผมจะส่งเงินให้พ่อกับแม่่ใช้ทุกเดือน และ ตั้งใจจะให้ของขวัญท่านทุกๆ ปีที่เงิน bonus ออก โดยปีที่แล้วเป็นเครื่องเล่น DVD ระบบ 5.1 Channel ของ Soken และปีนี้ผมให้เป็นชุดจานดาวเทียม C-band ของ PSI ครับ…
อา… ครบ 5 ข้อแล้วหรือเนี่ย ยิ่งเขียนยิ่งมันส์แฮะ เล่าเรื่องของตัวเองเนี่ย ฮิฮิ เอาละครับ ผมเปิด tag ต่อให้อีก 5 คนซึ่งเป็นผู้โชคดีต่อไปนี้คือ Jman เพื่อนที่รู้จักกันมานานแสนนาน, Jasan ที่เพิ่งจะฉลองโสด, คุณ MormMam กับบทความ SEO ดีๆ basicstep อ่านแล้วจะติดใจ แล้วก็ thaiblogger
ที่เคยแนะนำเว็บผมให้คนอื่นได้รู้จัก เมื่อตอนที่ผมเริ่มทำเว็บใหม่ๆ
ขอบคุณมากครับ
ยินดีที่ได้แบ่งประสบการณ์ครับ
ผมจะติดตามอ่านต่อไปครับ
โชคดีครับผม
โอ้ เด็กพระจอมเกล้าพระนครเหนือเหรอเนี่ย สาขาไหนครับ? ^o^
ยินดีครับคุณหมีน้อย … พี่ไท้ ผมจาก วทอ. ครับ เทคโนอิเล็กคอม..ECT
^o^ เด็ก วทอ. เก่งมากเลยนะ เพราะนอกจากจะต้องเรียน ฟิสิกส์, เคมี, ชีวะ และคณิตศาสตร์เหมือนเด็ก ม.ปลายทั่ว ๆ ไปแล้ว ก็ยังต้องเรียนทางไฟฟ้าและอิเลกทรอนิกส์เสริมด้วย แน่นปึ้ก ๆ เลยล่ะ
ไมไ่ด้เขียน blog มานานแล้ว – -‘ จะต่อ tag ก็กระไรอยู่
อ้าว JMAN ไม่ Tag ต่อซะแล้วนี่ แต่สังเกตดูว่า blog ที่ผมยิงไปไม่มีใคร Tag ต่อเลยอ่ะ 555 สมน้ำหน้าตัวเอง
พี่ไท้ ศิษย์เก่า พระนครเหนือด้วยหรือเปล่าครับเนี่ย
สวัสดีค่ะ ชื่อก้อย จบจากพระนครเหนือราชมมงคลเมื่อปี 43 คิดถึงสถาบันเลยค้นหาดูว่ามีที่รวมตัวของศิษย์เก่าหรือเปล่า ไม่แน่ใจว่านี่คือของพระจอมเกล้าพระนครเหนือ หรือพระนครเหนือราชมงคล งง
สวัสดีค่ะ ชื่อก้อย จบจากพระนครเหนือราชมมงคลเมื่อปี 43 คิดถึงสถาบันเลยค้นหาดูว่ามีที่รวมตัวของศิษย์เก่าหรือเปล่า ไม่แน่ใจว่านี่คือของพระจอมเกล้าพระนครเหนือ หรือพระนครเหนือราชมงคล งง
ขอไม่มีความเห็นนะ
ยินดีที่ได้รู้จักกันมากขึ้นครับ
ผมขออนุญาตเจ้าของบล็อกประชาสัมพันธ์เรื่องการบริจากโลหิตหน่อยนะครับ คือผมเพิ่งไปบริจากมาเลยทำให้ได้ความรู้มาอยางนึง ซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ก็คงจะไม่รู้เช่นกัน ทราบหรือเปล่าครับว่าคนเราที่จริงแล้วมีเลือดส่วนเกินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ คือปกติร่างกายเราต้องการเพียง 15-16 แก้ว แต่เรามีมากถึง 17-18 แก้ว นั่นก็คือมีเลือดส่วนเกินที่ไม่ได้ใช้ครับ แล้วส่วนเกินนี้ปกติมันจะไปที่ไหนครับ ก็ถูกขับทิ้งออกมาทางปัสวะนั่นเอง ดังนั้นอย่าให้มันเสียเปล่าเลยครับ ไปบริจากให้คนที่เค้าต้องการดีกว่า ขอขอบคุณท่านเจ้าของบล็อกมากครับ การช่วยเผยแพร่เรื่องราวดีๆก็ถือเป็นบุญกุศลอย่างนึงแล้วครับ