First มาราธอนแรก มีเรื่องเล่า

วันนี้เพิ่งจะจบ first marathon ไปครับ เป็นสนามที่ไม่เหมาะกับ first marathon อย่างมาก 555+ เป็นงานของ Garmin Sub 5 จัดที่สวนผึ้ง ราชบุรี โดยที่งานนี้จะมีเสื้อพิเศษให้สำหรับคนที่วิ่งได้ต่ำกว่า 5 ชม. ส่วนคนที่วิ่งเกิน 5 ชม. ขึ้นไป แต่ไม่เกิน 6 ชม. ก็จะได้แต่เสื้อ Finisher

สำรวจเส้นทางวิ่ง

เริ่มวิ่งวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562 แต่เนื่องจากเป็น first marathon ผมไปสำรวจเส้นทางก่อนเลยตั้งแต่วันเสาร์ช่วงบ่ายๆ เพราะจะได้ไม่รู้สึกตื่นเต้นจนเกินไป เนื่องจากจุดกลับตัวอยู่หน้าที่พักเราพอดี (ธีรมา คอจเทจ รีสอร์ท) ก็เลยขับรถย้อนเส้นทางจากจุดกลับตัวออกไปดู ซึ่งลักษณะก็เป็นทางจักรยาน อยู่ขอบๆ ทิวเขา ซึ่งก็มีทั้งขึ้นเนิน ลงเนิน แต่ผมก็อาศัยให้กำลังใจตัวเองว่าเคยวิ่งระยะ ฮาล์ฟ ในลักษณะเส้นทางแบบนี้มาแล้ว ก็ค่อยๆ ไปละกัน เนินไหนขึ้นไม่ไหวก็เดิน 55 แต่ระยะทางโดยรวมก็แอบโหดมากจริงๆ

เส้นทางวิ่งหลังจากวิ่งจบแล้ว
เจอน้ำตก แวะเที่ยวน้ำตกก่อน

คืนก่อนวันวิ่ง

รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ถึงมากที่สุด เนื่องจากเป็นมาราธอนครั้งแรก และก็กลัวจะไม่จบ กลัวที่จะไปตอบคำถามคนอื่น กลัวไปหมดทุกอย่าง คืนก่อนวันวิ่งเลยนั่งดู youtube เทคนิคการวิ่งมาราธอนจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเวลามาอยู่ใน race จริงๆ ก็เอาเทคนิคเหล่านี้มาช่วยได้ อย่างเช่น

  • เวลาเหนื่อย อย่าเดิน เพราะร่างกายมันจะจำว่าเดินแล้วสบาย ให้ค่อยๆ ซอยเท้าไปแบบสบายๆ
  • เวลาแวะดื่มน้ำให้ดื่มไปประมาณ 4 อึก จะได้ไม่จุก
  • วางแผนเติมพลังงาน หรือ เจล ก่อนชนกำแพง
  • ถ้ารู้สึกหิวน้ำ หรือรู้สึกหิวแสดงว่าพลังงานจะหมดแล้ว
  • ถ้าเจอระยะชนกำแพง ให้กินของหวานๆ (เลยพกลูกอมไปด้วย)
  • วิ่งแข่งจริง ให้สะกดจิตตัวเองว่าได้รับพลังเยอะที่สุด (จิตใจนำร่างกาย)

เทคนิคเหล่านี้เวลาเจอปัญหาไม่รู้จะทำยังไง ก็ดึงเอาความรู้เหล่านี้มาใช้ในระหว่างการแข่งขันได้ครับ

ดู youtube เทคนิคการวิ่งไปด้วย ทะเลาะกะลูกไปด้วย 555

วันแข่งขันจริง

ปล่อยตัวตีสี่ แต่ตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ตีหนึ่งครึ่งครับ เผื่อเวลาเข้าห้องน้ำ ในช่วงที่ผิดเวลาจะลำบากตอนถ่าย กับเผื่อเวลาไปหาที่จอดรถ วันนี้จำได้ว่า ออกไปลืมพกกระเป๋าตังมา จะแวะซื้อขนมปังที่ 7-11 ก่อนเข้างาน แต่ปรากฎว่าไม่มีเงิน 555 เลยไปค้นๆ ตามซอกรถ ได้มา 12 บาท ซื้อแครกเกอร์ช็อกโกแลตได้สองอัน เอาไปแอบรองท้องไปจะได้ไม่เป็นกังวลตอนเวลาวิ่งช่วงแรกๆ

เข้าห้องน้ำห้องท่า และยืดเหยียด

พอมาถึงงานก่อน ก็ช่วยลดความตื่นเต้นลงไปได้ มีเวลาเข้าไปฉี่สองรอบ และยืนยืดเหยียดได้เกือบ 20 นาที ซึ่งก็เกินพอ เพราะไม่อยากไปเจ็บบริเวณจุดต่อเอ็นที่เข่า หรือ itb อีก มันทรมาน

ใกล้เวลาปล่อยตัว

ใช้เทคนิคสะกดจิตตัวเองเลยครับ ว่าตอนนี้ ขณะนี้ ณ สถานที่แห่งนี้เราจะได้รับพลังเยอะที่สุด เพื่อให้จิตใจนำร่างกาย

เสียงแตรเวลาปล่อยตัว

นี่เรากำลังจะไปมาราธอนแล้วใช่มั๊ย แอบถามตัวเองอีกรอบ ไปก็ไป ไปในเพซที่เราซ้อม และก็เผื่อพลังงานไว้ให้ตลอด 42.195 กิโล อย่าเร็วช่วงแรก แล้วช่วงหลังหมด

เรื่องเล่าระหว่าง Race ในแต่ละจุด

เริ่มจากตั้งแต่ปล่อยตัวไปจนถึง กิโลที่ 2 คนจะเยอะมาก ช่วงนี้ ก็วิ่งเกาะๆ กลุ่มไป จะพยายามไม่ซิกแซกมาก กลัวเข่าจะเจ็บ รักษาความต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ความรู้สึกเหมือนกับซ้อมวิ่งช่วงเช้าๆ

กิโลที่ 3 เริ่มผ่านแยกครั้งแรก ก่อนที่จะขึ้นเนินยาวๆ ก็อาศัยเทคนิคซอยเท้าถี่ๆ ไม่อยากเดิน กลัวจะหมดพลัง ก็คิดว่าถ้าเรารีบขึ้นไปอยู่บนเนินได้ ก็จะได้สบายเร็วหน่อย เทคนิคนี้ใช้มาเรื่อยๆ ถึงกิโลที่ 5

กิโลที่ 6 – 7 เริ่มปวดฉี่ ใจก็คิดว่าจะลงข้างทางดีมั๊ย เพราะเห็นหลายๆ คนก็แว๊บเข้าไปอยู่ อีกใจก็คิดว่า ไปแวะโลที่ 10 เลยดีกว่าจะได้ผ่านจุด cut-off จุุดแรกด้วยจะได้สบายใจ สุดท้ายก็ไปฉี่โลที่ 10 แทน

กิโล 7-9 เริ่มขึ้นภูเขา ผ่านจุุดโค้งหักศอก ตอนนี้ก็เกือบๆ ตีห้า ซึ่งก็ยังไม่สว่าง วิ่งตอนนี้ก็ดีอย่างหนึ่งคือ มองไม่เห็นทางในระยะยาวๆ จะได้ไม่ท้อ เพราะมองแค่จุดข้างหน้าระยะ 2 – 3 เมตรไปเรื่อยๆ ช่วยให้ไม่เหนื่อย ฝั่งขวาเป็นภูเขา ส่วนฝั่งซ้าย เป็นแม่น้ำ ได้ยินเสียงน้ำตกไหลซู่ๆ อยู่เป็นช่วงๆ

ถึงกิโลที่ 10 ด้วยเวลา 1 ชม. 15 นาที ซึ่งตัดตัวที่ 1 ชม. 30 นาที งานนี้ถ้าบอกว่ามัวแต่เดินขึ้นภูเขารับรองมาไม่ทันแน่นอน ช่วง 10 กิโลแรก สำหรับเราไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะก็เป็นระยะที่ซ้อมอยู่เป็นประจำ แวะเข้าห้องน้ำห้องท่า กินน้ำ กินแตงโม กินเกลือแร่ พอสดชื่นก็ไปต่อ เดินแล้วนับก้าวจาก 1 – 30 แล้วก็จ๊อกต่อ อ้อ ช่วงกิโลที่ 10 มีแจกลูกชิ้น ก็หยิบเอามากิน 1 ไม้

ช่วงนี้มี pacer 5 ชม. ครึ่งเริ่มวิ่งแซงไป ในใจก็หวิวๆ ว่าเราจะทัน 6 ชม. มั๊ยนี่ ส่วนสำหรับ Sub 5 ที่หวังลึกๆ แต่ตอนนี้ก็คงต้องทิ้งไปก่อน เพราะมาราธอนครั้งแรกแค่วางแผนเอาให้จบก็ดีใจแล้วจะได้มีเสื้อ finisher กับเขาบ้างสักตัว

กิโลที่ 11 ทางลงเขา ช่วงนี้จะลงเร็วมาก แต่ก็ไม่อยากให้เร็วเกินไป เพราะเดี๋ยวเข่ากระแทก (อีกแหละ) ปรากฎว่าแซง pacer 5:30 ไปไกลลิบ

กิโลที่ 12 – 15 ก็ยังลงเขาไปเรื่อยๆ ทางเริ่มสว่างขึ้นมานิด กิโลนี้ลูกชิ้นเริ่มทำพิษ รู้สึกปวดท้องนิดๆ อยากเข้าห้องน้ำ อาจจะเป็นช่วงเวลาตื่นนอนปกติแล้วต้องเข้าห้องน้ำเป็นกิจวัตรประจำวัน ทะเลาะกับตัวเองอีกว่าถ้าเจอรถห้องน้ำ จะแวะเข้า แต่ก็ไม่เข้า ไปต่อเรื่อยๆ

กิโลที่ 17 งัดเอา เจล มากิน 1 ถุง เป็นครั้งแรกเลยที่กินเจลเวลาวิ่ง กลัวว่าท้องจะเสียเหมือนกัน แต่ปรากฎว่ามันอร่อยมากกกก เจลยี่ห้อ bigbang รสกาแฟ

กิโลที่ 18 เริ่มสุดระยะซ้อม มีพลังเจลช่วยอยู่ก็ไปต่อเรื่อยๆ

ถึงจุดกลับตัวกิโลที่ 21 ทีนี้ละ คิดว่านรกของจริงคงอยู่หลังจากนี้ เพราะไม่เคยวิ่งเกินระยะนี้ เคยวิ่ง 23.5 ครั้งเดียวแต่นานมากแล้ว ในใจคิดว่าค่อยดูอาการ กิโลต่อกิโลเอา

เริ่มที่กิโล 22 ก่อนเลย ตึงขามากๆ ตึงสุดๆ แล้วเป็นทางเนินขึ้นด้วย พยายามฝืนๆ ไป ถึงจุดให้น้ำเมื่อไหร่เดี๋ยวจะงัดเอาน้ำมันมวยมานวด

ถึงจุดให้น้ำ ก็นวดๆ น้ำมันมวย เย็นทั้งขาเลยคราวนี้ ไปได้ต่อ รู้สึกดี แต่ก็ยังฝืนอยู่ ฝืนไปจนกิโลที่ 25 ทรมาณสุดๆ เจอเนินนิดหน่อยก็เดิน เพราะเห็นคนเริ่มเดินเยอะ แต่ก็จะพยายามจ๊อก แต่ก้าวขาไม่ค่อยออก

กิโล 25 – 29 เริ่มเดินๆ หยุดๆ แวะยืดขาตลอด เป็นทางเนินขึ้นเขา ผ่านจุดให้น้ำมีอะไรให้ก็กินหมด ทั้งเกลือแร่ แตงโม น้ำเปล่า แต่กล้วยไม่อยากกินกลัวจะปวดท้องเข้าห้องน้ำอีก

กิโล 30 – 32 ช่วงนี้งัดเอานาฬิกามาดูบ่อยๆ มีเดินบ้างวิ่งบ้างสลับกันไป เพราะเริ่มขึ้นเขา งัดเอาเจลมากินอีก 1 ถุง ส่วนน้ำมันมวยงัดมานวดเรื่อยๆ ฝืนให้ขาตัวเองพยายามก้าวต่อไปเรื่อยๆ ไม่อยากเดิน ในใจแอบปลื้มนิดๆ นี่เรามาถึงกิโลที่ 30 แล้วหรือวะเนี้ย

กิโล 33- 34 ได้เทคนิคมาใช้โดยบังเอิน จุดไหนขึ้นเนินก็เดิน จุดไหนลงเนิน ก็วิ่ง อันนี้ช่วยได้มาก ยิ่งได้พลังเจลไปด้วยแล้ว หลังจากที่สับแซงกับ pacer 5:30 อยู่ ก็สามารถแซงไปได้ไกลๆ เลย

กิโลที่ 34 กว่าๆ เริ่มคิดว่า ใกล้ กิโล 35 แล้ว ปิศาจมันกำลังจะมา ปรากฏว่าช่วงนั้นฝนตกหนักๆ รองเท้าก็เปียกน้ำไปหมด คิดถึงไปเรื่องเข้าเส้นชัย เราจะร้องไห้มั๊ย พอดีเพลง พลังแสงอาทิตย์มันดังขึ้นในหัว ร้สึกขนลุก ว่าแล้วตอนนี้กูมาทำอะไรอยู่ที่นี่ กูมาลำบากเพื่ออะไร ตอนนั้นมาหมดเลย ทั้งหน้าลูกๆ หน้าพ่อแม่ คนสนิทรู้จักมาหมด เหมือนน้ำตาจะไหล

ผ่านมาที่ กิโลที่ 35 เริ่มปกติก็ใช้เทคนิคลงเขาแล้ววิ่งไปต่อ ช่วงนี้ตากล้องเริ่มเยอะ จะเดินก็เกรงภาพจะไม่สวย เลยต้องฝืนวิ่งไปเรื่อยๆ 555+

กิโล 36 – 40 ช่วงนี้ก็เเดินสลับวิ่งอยู่เรื่อยๆ รู้สึกท้องเริ่มหิวเพราะมัน 5 ชม. แล้ว เลยเริ่มงัดเอาลูกอมหวานๆ มากิน ก็พอช่วยได้ ให้สดชื่น

กิโลที่ 40 – 41 ความฝันกำลังจะเป็นจริง นี่เรากำลังจะจบ Full มาราธอนครั้งแรกแล้วเหรอเนี้ย ช่วงนี้พยายามประคองไปโดยระมัดระวังที่สุด กลัวเท้าพลิก กลัวลื่นล้ม กลัวไปหมด กลัวไม่ถึงเส้นชัย 555+

กิโลที่ 42.195 วิ่งเข้าเส้นชัย ความรู้สึกว่าสำเร็จแล้วๆๆๆ แต่ไม่ร้องไห้ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาๆ แต่คนที่มาดูให้ความสำคัญ มีปรบมือให้ มีตากล้อง 4 – 5 ตัวกำลังถ่ายภาพเราอยู่ มีน้องๆ ยื่นเหรีญให้ พร้อมยิ้มแสดงความดีใจ มีโฆษกประกาศชื่อเรา ออกไปว่า ขอแสดงความยินดีกับคุณ โชคอำนวย finisher มีตากล้องมายืนถ่ายให้เราชูเหรียญ เป็นความรู้สึกที่ทุกคนพยายามให้เกียรติในความพยายามเรามากๆ ขอขอบคุณและจะขอเก็บความรู้สึกดีๆ แบบนี้ไว้เล่าให้ลูกหลานฟัง ตราบนานเท่านาน

ขอบคุณครับ First มาราธอน เราทำสำเร็จแล้ว
เขียนเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2562 เวลา ทุ่ม 5 นาที

Leave a Comment